มะเร็งตับคืออะไร? เข้าใจชนิด อาการ และการดำเนินของโรค

มะเร็งตับ (Liver Cancer) คือหนึ่งในโรคร้ายแรงที่คุกคามชีวิตของคนไทยและคนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ หรือการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ชนิดของมะเร็งตับ อาการที่ควรระวัง และลำดับการดำเนินของโรค อย่างละเอียด เพื่อเป็นแนวทางในการเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพ


มะเร็งตับคืออะไร?

มะเร็งตับคือการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติในเนื้อตับ ซึ่งอาจเริ่มต้นที่ตับเอง (มะเร็งตับปฐมภูมิ) หรือแพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่น (มะเร็งตับทุติยภูมิ) ซึ่งแบบแรกพบมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ชนิดของมะเร็งตับ

  1. มะเร็งเซลล์ตับ (Hepatocellular carcinoma หรือ HCC)
    เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด มักเกิดในผู้ที่มีโรคตับเรื้อรัง เช่น ตับแข็งหรือตับอักเสบ B/C

  2. มะเร็งท่อน้ำดีในตับ (Intrahepatic cholangiocarcinoma)
    เกิดจากท่อน้ำดีภายในตับ พบมากในบางภูมิภาค เช่น ภาคอีสานของไทย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกินปลาน้ำจืดดิบ (พยาธิใบไม้ตับ)

  3. Angiosarcoma และ Hepatoblastoma
    พบน้อย มักเกิดในกลุ่มอายุเฉพาะ (เช่น เด็ก หรือผู้สูงอายุ)


สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

  • การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B หรือ C (โดยเฉพาะถ้าติดตั้งแต่วัยเด็ก)

  • ภาวะตับแข็งจากแอลกอฮอล์หรือไขมันพอกตับ

  • พันธุกรรมและความผิดปกติทางเมตาบอลิซึม

  • การได้รับสารพิษ เช่น สารอะฟลาท็อกซินจากถั่วเก่า

  • โรคเบาหวานและภาวะอ้วน


อาการของมะเร็งตับ

อาการมักไม่ชัดเจนในระยะแรก แต่อาจสังเกตได้จาก:

  • อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

  • ปวดหรือแน่นบริเวณชายโครงขวา

  • ท้องโตจากน้ำในช่องท้อง (Ascites)

  • ตัวเหลือง ตาเหลือง

  • อาการคล้ายตับแข็ง หรือมีเลือดออกง่าย


การวินิจฉัยโรค

  • อัลตราซาวด์ช่องท้อง (Ultrasound)

  • การตรวจเลือดหา AFP (Alpha-fetoprotein)

  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือ MRI

  • การตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา (Biopsy)


การดำเนินของโรค

มะเร็งตับมีพัฒนาการที่รวดเร็ว โดยเฉพาะหากตรวจพบเมื่อเข้าสู่ระยะลุกลาม การแบ่งระยะของโรคโดยทั่วไป ได้แก่:

  • ระยะเริ่มต้น (Early Stage): มะเร็งยังมีขนาดเล็ก ตับยังทำงานได้ดี

  • ระยะกลาง (Intermediate Stage): เริ่มกระจายเฉพาะในตับ

  • ระยะลุกลาม (Advanced Stage): แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น ปอด ต่อมน้ำเหลือง

  • ระยะสุดท้าย (Terminal Stage): ตับเสียหายมาก ผู้ป่วยมักมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง


แนวทางการรักษา

  1. การผ่าตัดตับ (Liver Resection)
    เหมาะสำหรับผู้ที่ตรวจพบในระยะเริ่มต้น

  2. การปลูกถ่ายตับ (Liver Transplantation)
    ในกรณีที่ตับเสียหายมากหรือไม่สามารถผ่าตัดเฉพาะส่วนได้

  3. การทำเคมีบำบัดเฉพาะจุด (TACE)
    ฉีดยาเข้าเส้นเลือดที่เลี้ยงก้อนมะเร็ง

  4. การใช้รังสีรักษา หรือการใช้คลื่นความถี่วิทยุ (RFA/Microwave ablation)

  5. การใช้ยากลุ่มใหม่ เช่น ยาต้านมะเร็งแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) และยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)


การป้องกันมะเร็งตับ

  • ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีตั้งแต่เด็ก

  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์

  • ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคตับเรื้อรัง

  • หลีกเลี่ยงอาหารดิบ หรืออาหารที่มีเชื้อราปนเปื้อน

  • ควบคุมน้ำหนัก และรักษาโรคเบาหวานให้ดี


สรุป

มะเร็งตับเป็นโรคที่เงียบแต่ร้ายแรง หากตรวจพบช้าโอกาสรอดชีวิตจะลดลงอย่างมาก ดังนั้น “การเฝ้าระวัง ป้องกัน และตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ” จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณและคนที่คุณรักปลอดภัยจากภัยเงียบนี้

หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับตับ ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด