ไข้หวัดใหญ่คืออะไร? ต่างจากไข้หวัดธรรมดายังไง

บทความนี้เหมาะสำหรับเว็บไซต์โรงพยาบาล, คลินิก, บล็อกสุขภาพ หรือเพจให้ความรู้ทางการแพทย์
เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ความหมายของไข้หวัดใหญ่, ชนิดของเชื้อไวรัส, กลไกการติดเชื้อ, ความแตกต่างจากไข้หวัดทั่วไป, อาการเตือน, วิธีป้องกัน และแนวทางดูแลตนเองครับ


บทนำ

หลายคนมักใช้คำว่า “ไข้หวัด” กับ “ไข้หวัดใหญ่” แทนกัน แต่ความจริงแล้วทั้งสองโรค ไม่เหมือนกัน
ไข้หวัดธรรมดา (Common Cold) มักมีอาการไม่รุนแรงและหายเองภายในไม่กี่วัน
ขณะที่ ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เกิดจากเชื้อไวรัสคนละชนิด มีอาการรุนแรงกว่า แพร่เชื้อได้เร็ว และอาจมีภาวะแทรกซ้อนถึงขั้น “ปอดอักเสบ” ได้ โดยเฉพาะในเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว

ดังนั้น การแยกความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่กับไข้หวัดทั่วไป จะช่วยให้เรารักษาได้ถูกวิธี และป้องกันการแพร่กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ไข้หวัดใหญ่คืออะไร?

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจาก ไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus)
ไวรัสชนิดนี้จะทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ ตั้งแต่จมูก คอ หลอดลม จนถึงปอด

▪️ สายพันธุ์ของไวรัสไข้หวัดใหญ่

เชื้อไวรัสอินฟลูเอนซามีทั้งหมด 4 ชนิดหลัก ได้แก่

  1. Influenza A – พบบ่อยที่สุด และเป็นสาเหตุของการระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic) เช่น ไข้หวัดใหญ่ 2009 (H1N1)

  2. Influenza B – มักระบาดในวงจำกัด เช่น ภายในประเทศหรือโรงเรียน

  3. Influenza C – ก่ออาการเบา คล้ายหวัดทั่วไป

  4. Influenza D – พบในสัตว์ เช่น วัว ควาย ยังไม่พบติดในคน

เชื้อที่ทำให้เกิดโรคในคนส่วนใหญ่คือ Influenza A และ B ซึ่งมักกลายพันธุ์ได้ทุกปี จึงต้องมีการ “ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปี” เพื่อป้องกันสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาด


ไข้หวัดธรรมดาคืออะไร?

ไข้หวัดธรรมดา (Common Cold) เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเช่นกัน
แต่เกิดจากไวรัสอีกกลุ่มหนึ่ง เช่น Rhinovirus, Coronavirus, Adenovirus หรือ Parainfluenza

โรคนี้พบได้บ่อยโดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้ที่ภูมิต้านทานต่ำ
มีอาการไอ จาม คัดจมูก แต่โดยทั่วไปจะไม่รุนแรง และสามารถหายได้เองภายใน 5–7 วัน โดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัส


ความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่ กับ ไข้หวัดธรรมดา

ลักษณะเปรียบเทียบ ไข้หวัดธรรมดา (Common Cold) ไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
เชื้อสาเหตุ Rhinovirus, Coronavirus Influenza virus A, B
การเริ่มของอาการ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ หาย เริ่มเฉียบพลัน ภายใน 1–2 วัน
อาการไข้ มีไข้ต่ำหรือไม่มี ไข้สูง 38–40°C มักมีหนาวสั่น
อาการปวดเมื่อย ปวดเล็กน้อย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะมาก
ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล อาการเด่นหลัก มีบ้าง แต่ไม่เด่นเท่าปวดเมื่อยและไข้สูง
ระยะเวลาของโรค 3–7 วัน 1–2 สัปดาห์
ภาวะแทรกซ้อน น้อยมาก พบได้ เช่น ปอดบวม หูอักเสบ หัวใจอักเสบ
ความสามารถในการแพร่เชื้อ ต่ำ สูงมาก แพร่เชื้อได้แม้ยังไม่มีอาการ
การรักษาเฉพาะทาง ยาแก้ไข้ แก้ไอ พักผ่อน ยาต้านไวรัส (Oseltamivir) + พักผ่อน + แยกผู้ป่วย
กลุ่มเสี่ยงรุนแรง เด็กเล็ก เด็กเล็ก, ผู้สูงอายุ, หญิงตั้งครรภ์, ผู้มีโรคเรื้อรัง

กลไกการติดเชื้อและการแพร่กระจาย

ทั้งไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดธรรมดา “ติดต่อทางละอองฝอย (Droplet)” จากการไอ จาม หรือพูดใกล้กัน
รวมถึงการสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อแล้วนำมาสัมผัสจมูกหรือปาก

แต่เชื้อไข้หวัดใหญ่แพร่ได้เร็วกว่า และสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่

  • 1 วันก่อนเริ่มมีอาการ

  • ไปจนถึง 5–7 วันหลังเริ่มป่วย

ในขณะที่ไข้หวัดธรรมดามักแพร่เชื้อได้ช่วงสั้นกว่า


อาการสำคัญของไข้หวัดใหญ่ที่ควรสังเกต

  • ไข้สูง 38°C ขึ้นไป ร่วมกับหนาวสั่น

  • ปวดศีรษะมาก ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง

  • เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง

  • เจ็บคอ ไอแห้ง (บางรายไอมากจนแน่นหน้าอก)

  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน

  • บางรายมีอาการหอบ หายใจเร็ว หรือเจ็บหน้าอก (สัญญาณปอดอักเสบ)

หากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์ภายใน 48 ชั่วโมง เพราะช่วงเวลานี้เป็นระยะที่ยาต้านไวรัสได้ผลดีที่สุด


กลุ่มเสี่ยงที่อาการอาจรุนแรง

  1. เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี

  2. ผู้สูงอายุเกิน 65 ปี

  3. หญิงตั้งครรภ์

  4. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ หอบหืด

  5. ผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือได้รับยากดภูมิ

กลุ่มเหล่านี้อาจเกิด ภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม หูอักเสบ หรือหัวใจอักเสบ
จึงควรได้รับการดูแลจากแพทย์ใกล้ชิดและฉีดวัคซีนป้องกันทุกปี


วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่

  1. ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี – เพราะเชื้อกลายพันธุ์ตลอดเวลา

  2. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล

  3. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ป่วย หรือในที่แออัด

  4. ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอจาม

  5. พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และกินอาหารมีประโยชน์


การรักษาไข้หวัดใหญ่

การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ

  • ผู้ป่วยทั่วไปสามารถพักผ่อน ดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานยาลดไข้

  • แพทย์อาจให้ ยาต้านไวรัส (Oseltamivir, Zanamivir) เพื่อช่วยลดระยะของโรค

  • ควรแยกผู้ป่วยออกจากผู้อื่นประมาณ 7 วันหลังเริ่มมีอาการ

❗ ห้ามซื้อยาปฏิชีวนะกินเอง เพราะยาปฏิชีวนะใช้ไม่ได้กับไวรัส


สรุป

สรุปสั้น ๆ ไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่
ความรุนแรง เบา หายเองได้ รุนแรงกว่า เสี่ยงแทรกซ้อน
เชื้อสาเหตุ Rhinovirus / Coronavirus Influenza Virus A, B
ไข้ ต่ำหรือไม่มี สูงกว่า 38°C
ระยะเวลาหาย 3–7 วัน 7–14 วัน
การรักษา พักผ่อน ยาลดไข้ ยาต้านไวรัส + พักผ่อน
วัคซีนป้องกัน ไม่มี มี (ควรฉีดทุกปี)

ดังนั้น หากคุณมีไข้สูง ปวดเมื่อยมาก หรืออาการไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 วัน
ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อแยกให้ชัดว่าเป็น “ไข้หวัดธรรมดา” หรือ “ไข้หวัดใหญ่”
เพราะการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้ดีที่สุดครับ