5 กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังฮีทสโตรคในหน้าร้อนนี้
ในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยที่อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี หนึ่งในภัยเงียบที่น่ากลัวและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ก็คือ “โรคลมแดด” หรือ “ฮีทสโตรค” (Heat Stroke)
หลายคนมองว่าอาการจากแดดแรงเป็นเรื่องเล็ก แต่ในความจริง ฮีทสโตรคคือภาวะที่อุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงจนระบบภายในทำงานผิดปกติ อาจหมดสติ หัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่นาทีหากไม่ได้รับการช่วยเหลือทันเวลา
ในบทความนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับ 5 กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังฮีทสโตรคมากเป็นพิเศษ พร้อมวิธีป้องกันที่ควรรู้ไว้ เพื่อดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้อย่างปลอดภัยในหน้าร้อนนี้
✅ 1. ผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง สูงที่สุด เพราะระบบควบคุมอุณหภูมิในร่างกายเริ่มเสื่อมลงตามอายุ ประกอบกับโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ ทำให้ร่างกายขาดความสามารถในการปรับสมดุลเมื่อต้องเผชิญกับอากาศร้อนจัด
สัญญาณเตือน:
เหงื่อออกน้อยผิดปกติ
หน้ามืด เดินโซเซ
สับสน พูดไม่รู้เรื่อง
คำแนะนำ:
หลีกเลี่ยงออกจากบ้านช่วงแดดจัด
เปิดพัดลมหรือแอร์ให้ห้องเย็นสบาย
ดื่มน้ำบ่อย ๆ แม้ไม่รู้สึกกระหายน้ำ
✅ 2. เด็กเล็กและทารก
ระบบระบายความร้อนของเด็กยังทำงานได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งเด็กยังไม่สามารถสื่อสารหรือดูแลตัวเองได้ดี หากถูกปล่อยให้อยู่ในที่ร้อน เช่น ในรถที่ปิดสนิท, กลางสนาม, หรือกลางแดดนานเกินไป มีโอกาสเกิดฮีทสโตรคได้ง่ายมาก
สัญญาณเตือน:
ตัวร้อนจัด หน้าแดง ไม่เหงื่อ
ซึม ไม่กินนม/อาหาร
หายใจเร็ว หรือหมดสติ
คำแนะนำ:
อย่าปล่อยเด็กอยู่ในรถแม้เพียง “5 นาที”
ใส่เสื้อผ้าบาง เบา ระบายอากาศได้ดี
ให้น้ำหรือของเหลวตามวัยอย่างเพียงพอ
✅ 3. คนทำงานกลางแดด/กลางแจ้ง
กลุ่มนี้ได้แก่ คนทำงานก่อสร้าง, แม่ค้า, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย, พนักงานขนส่ง ฯลฯ ที่ต้องอยู่ในพื้นที่กลางแจ้งนานหลายชั่วโมง
แม้ร่างกายจะดูแข็งแรง แต่เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ต่อเนื่อง ความสามารถในการระบายความร้อนจะลดลงอย่างรวดเร็ว
สัญญาณเตือน:
เหนื่อยง่าย เวียนหัว
ปวดศีรษะ คลื่นไส้
กล้ามเนื้ออ่อนแรง
คำแนะนำ:
หยุดพักทุก 30-60 นาที ในที่ร่ม
ดื่มน้ำผสมเกลือแร่หรือ ORS
สวมหมวก ป้องกันแสงแดดจัด
✅ 4. นักกีฬา/ผู้ที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง
การออกกำลังกายขณะอุณหภูมิสูง เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือเตะบอลในสนามกลางแดด ทำให้ร่างกายสร้างความร้อนมากกว่าปกติ หากไม่ได้พักและดื่มน้ำเพียงพอ อาจเกิด ภาวะลมแดดแบบเฉียบพลัน
สัญญาณเตือน:
หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
รู้สึกชา แขนขาอ่อนแรง
มองภาพเบลอ หรือสั่น
คำแนะนำ:
เปลี่ยนเวลาซ้อมมาเป็นช่วงเช้า/เย็น
ใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ระบายอากาศได้ดี
พกน้ำดื่มติดตัวตลอดเวลา
✅ 5. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และผู้ที่ใช้ยาบางชนิด
ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต, โรคหัวใจ, ความดันสูง หรือผู้ที่ใช้ยาขับปัสสาวะ, ยาลดไข้ ยาต้านซึมเศร้า บางชนิดอาจรบกวนการระบายความร้อนของร่างกายได้ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดฮีทสโตรคสูงขึ้น
สัญญาณเตือน:
อ่อนแรง ปวดศีรษะ
เหงื่อไม่ออก ตัวร้อนจัด
วิงเวียน คล้ายจะเป็นลม
คำแนะนำ:
ปรึกษาแพทย์เรื่องผลข้างเคียงของยา
หลีกเลี่ยงพื้นที่อากาศร้อน อบอ้าว
ตรวจสุขภาพประจำอย่างต่อเนื่อง
📌 สรุป: ป้องกันฮีทสโตรคได้อย่างไร?
โรคฮีทสโตรคสามารถป้องกันได้ง่าย หากเรารู้เท่าทันและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ด้วยการ:
ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดนานเกินไป
สวมเสื้อผ้าบาง เบา ระบายอากาศได้ดี
หยุดพักทันทีเมื่อรู้สึกผิดปกติ
อยู่ในที่อากาศถ่ายเทหรือติดเครื่องปรับอากาศเมื่อจำเป็น
เพราะเพียงไม่กี่นาทีที่คุณละเลย อาจเปลี่ยนจากอากาศร้อนธรรมดา…เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ติดต่อเรา : www.interwhc.com